ภาพจาก http://news.mthai.com
“ปัง …”
เสียงดังกัมปนาทจากปลายกระบอกปืนในมือของชายสวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบในร้านสะดวกซื้อย่านชานเมืองหลวงคำรามขึ้นในช่วงดึกอันเงียบสงบของค่ำคืนหนึ่ง เลือดสีแดงคล้ำเป็นลิ่มๆ เริ่มไหลทะลักมากองอยู่บนพื้น ร่างของเด็กหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งนั่งกุมท้องน้อยของเธอด้วยความเจ็บปวดแบบสุดจะบรรยาย โดยมีเพื่อนของเธอคอยประคองอยู่ข้างๆ
ห่างออกไปไม่ไกลลูกค้านิรนามยกปืนในมือกวัดแกว่งไปมาพร้อมขู่พนักงานที่เป็นนักศึกษาฝึกงานที่กำลังยืนอยู่หน้าเครื่องบันทึกเงินสดอย่างสุภาพว่าให้ส่งเงินมาให้เขาซะดีๆ จะได้ไม่ต้องมีใครเจ็บตัว
ระหว่างนั้นเลือดของ”อร”ก็ยังไหลออกมาไม่หยุด เธออยากจะตะโกนใส่หน้าคุณโจรว่า “ไหนบอกว่าจะไม่มีใครเจ็บตัวไง ..? แล้วที่คุณยิงมาโดนหนูนี่ล่ะ .. เจ็บนะเนี่ย คนบ้าเอ๊ย ..!!!”
แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิด เพราะเลือดที่ไหลหยดลงบนพื้นเริ่มมากขึ้นเป็นลำดับ เธอตกใจหน้าซีดปากคอสั่นแทบไม่มีแรงจะลุกขึ้น แม้ว่า”นิด”จะพยายามพยุงเธอออกมาให้พ้นจากวิถีแห่งลูกตะกั่วหัวกระสุนที่พร้อมจะระเบิดออกจากรังเพลิงอีกครั้งเมื่อไหร่ก็ได้
หรือนี่เป็นจะครั้งแรกในชีวิตที่เธอถูกยิง มันเจ็บปวดทรมานแบบนี้นี่เอง เคยเห็นแต่ในละครได้มาเจอกับตัวเองก็วันนี้นี่แหละ มันก็คล้ายๆ กับมีดบาดนะ เพียงแต่เป็นมีดปลายแหลมเล่มใหญ่สักร้อยเล่มทิ่มเข้าไปในตัวเราพร้อมๆ กัน เจ็บจี๊ดทีแรกแต่สักแป๊บก็เริ่มชา ความเจ็บจะบรรเทาแต่ความตกใจจะเข้ามาแทนที่ ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้นเป็นสาเหตุที่เลือดไหลจากแผลได้เร็วกว่าปกติ
การปล้นยังคงดำเนินต่อไป พร้อมๆ กับที่ลมหายใจของอรที่อ่อนระทวยลงทุกขณะ เธอดูอาการไม่ดีนักแต่ยังฝืนตัวยืนขึ้นเอามือเกาะเชลฟ์โชว์สินค้าถัดจากเคาท์เตอร์จ่ายเงินด้วยอาการโงนเงน รอยเลือดที่หยดบนพื้นเป็นทางยาวแสดงให้เห็นว่าเธอได้รับบาดเจ็บ ส่วนนิดก็คอยพยุงเธออยู่ไม่ห่าง พร้อมกับคอยชะโงกหัวข้ามเชลฟ์เพื่อสังเกตดูสถานการณ์ตลอดเวลา
ภาพจาก https://soclaimon.wordpress.com
ทั้งร้านในคืนนี้ก็มีเพียงอรกับนิดและพนักงานสองคนในร้านพร้อมทั้งผู้บุกรุกยามวิกาลกับอาวุธในมืออีกหนึ่งคน ทำไมสถานการณ์มันช่างเหมาะเจาะที่จะทำการปล้นเสียจริงนะ แต่เสียงปืนนัดแรกที่ลั่นออกจากมือคนร้ายทำให้พลเมืองดีโทรไปแจ้งคอลเซ็นเตอร์ 911 (ที่เพิ่งเปลี่ยนมาจาก 191 เพื่อจะได้เหมือนกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก) ถึงเหตุด่วนเหตุร้ายที่เธอกำลังเผชิญ ตำรวจรุดมาถึงที่เกิดเหตุอย่างทันท่วงทีก่อนที่คุณโจรจะหนีได้ทัน ผิดกับหนังไทยสมัยรุ่นคุณพ่อที่ตำรวจมักจะมาถึงตอนจบเรื่องเสียทุกครั้งไป
และเมื่อเข้าสู่สถานการณ์คับขันเช่นนี้แล้ว ปฏิบัติการจี้ตัวประกันจึงต้องดำเนินต่อเนื่อง หลังจากชายนิรนามได้เงินในเครื่องใส่กระเป๋าสะพายใบเขื่องไปเรียบร้อยแล้ว เขาหันมาเห็นอรที่ยืนหมดสภาพพิงชั้นวางของอยู่ใกล้ๆ เธอจึงถูกเชิญให้ไปเป็นตัวประกันโดยทันที พร้อมกับปากกระบอกปืนจ่อชี้ที่ด้านหลัง อรถูกลากถูลู่ถูกังทั้งที่อ่อนเปลี้ยเสียเต็มประดาออกมายังรถมอเตอร์ไซค์ที่ติดเครื่องรออยู่โดยชายสวมหมวกอีกคนที่ด้านหลังของร้าน พร้อมกับบึ่งออกไปทันทีโดยทิ้งเธอให้นอนหายใจรวยรินอยู่ตรงนั้น
ภาพจาก http://news.mthai.com
หลังเหตุร้ายผ่านไปเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็เข้าช่วยเหลือนำเธอส่งโรงพยาบาล ก่อนที่ตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่เกิดเหตุพร้อมกับพานิดและพนักงานในร้านไปให้การที่โรงพัก ส่วนอรก็ออกจากโรงพยาบาลได้ในคืนนั้น
เช้าวันถัดมาเหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวดังในรายการเล่าข่าวเช้านั้นของทุกช่องโทรทัศน์ กับข่าวโจรปล้นร้านสะดวกซื้อเจ็ดแห่งทั่วกรุงในคืนเดียว พร้อมกับมีภาพของคุณโจรยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณพนักงานที่ไม่ขัดขืนและให้ความร่วมมือกับการปล้นเป็นอย่างดี
“ทำไมมึงกลับห้องเร็วนักวะ ไหนบอกว่าถูกยิงไง..?” นิดถามหลังจากอรกลับมาที่ห้องเช่าใกล้ที่เกิดเหตุในตอนเช้า
“ทีแรกกูตกใจมากก็เลยนึกว่าไอ้ตั้มมันยิงถูกกู แต่หมอตรวจแล้วไม่เห็นมีแผลตรงไหน .. กูก็ว่าอยู่ว่าทำไมถูกยิงมันเจ็บแป๊บเดียวเองว๊ะ สรุปว่าเลือดเมนส์กูไหลต่างหาก ..!!!..” อรตอบแบบขำๆ แล้วทั้งสองคนกอดคอหัวเราะกันลั่นห้อง
สองวันถัดมาเสียงโทรศัพท์ของอรก็ดังขึ้น .. เบอร์ตั้มแฟนหนุ่มของเธอนั่นเอง
“อร .. วันนี้บ่ายสามออกมาเอาส่วนแบ่งที่เดิมนะ ..” เสียงแฟนหนุ่มของเธอบอกเวลานัด
“ครั้งนี้อรได้เท่าไหร่ล่ะ ..?” เธอถาม
“คราวนี้เจ็ดที่ได้มาเยอะอยู่เหมือนกัน .. คนละซักสามหมื่นได้ล่ะ .. ” ตั้มบอกไป
“ดีๆๆ อรจะได้เอาไปซื้อโทรศัพท์ใหม่ กำลังอยากได้ไอโฟนสักเครื่องพอดี ..” เธอบอกด้วยน้ำเสียงดีใจ
“แต่ตั้มเกือบยิงถูกอรซะแล้วนะ ..” เธอต่อว่าแฟนหนุ่ม
“เอ้อ .. นิดมันถามถึงส่วนแบ่งของมันด้วย อย่าลืมซะล่ะ ..” อรออกปากถามแฟนหนุ่มตามที่เพื่อนคอยสะกิดอยู่ข้างๆ
“ก็ให้ไอ้จอมไปแล้วไง นิดเป็นแฟนมันก็ไปเอาที่มันสิ ..” ตั้มตอบน้ำเสียงเรียบ
ภาพจาก http://www.fm91bkk.com
“เอาเป็นว่าวันนี้เจอกัน .. แค่นี้ก่อนนะ .. ตู๊ดดดดด ..” ตั้มต้องรีบพูดตัดบทเพราะ …..
มือของนายตำรวจยศพันตำรวจเอกหัวหน้าชุดสืบสวนที่รับผิดชอบติดตามคดีนี้เอื้อมมากดวางสายโทรศัพท์ของตั้มที่เปิดสปีคโฟนแล้ววางบนโต๊ะข้างหน้าชายวัยรุ่นสองคนที่ถูกใส่กุญแจมือนั่งก้มหน้าอยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามนายภายในห้องแคบๆ ห้องนั้น ทุกคำพูดทุกบทสนทนาได้ถูกบันทึกเอาไว้แล้ว และมันก็เป็นหลักฐานสำคัญใช้มัดตัวเธอและเพื่อนสนิทได้เป็นอย่างดี
เมื่อสิ้นเสียงแว๊นนนนนนน จากปลายท่อรถมอเตอร์ไซค์ของคนร้าย นั่นก็หมายถึงการสิ้นสุดอิสรภาพของวัยรุ่นหญิง-ชายทั้งสี่คนด้วยเช่นกัน
– – – น า ย เ ม ษ า – – –
พฤหัสบดี 17 กันยายน 2558 เวลา 21:45 น.
ปล.ภาพใช้ประกอบเนื้อหาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น บุคคลในภาพไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับเนื้อหาทั้งสิ้น