ขอขอบคุณภาพจาก www.thaihealth.or.th
บ้านแสนสุขของผมเป็นบ้านหลังเล็กๆ ขนาดราวห้าสิบตารางวา อยู่ในซอยห่างจากถนนหลักของหมู่บ้านประมาณสามสิบเมตร ปากซอยเคยมีร้านอาหารกึ่งผับที่เลิกกิจการปิดทิ้งร้างเอาไว้หลายปีแล้ว แล้วทุกปีในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสองวันเพ็ญที่น้ำก็นองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง(มาขายกระทงกัน)สนุกจริงๆ วันลอยกระทง ก็เพราะว่าจะมีพ่อค้าแม่ค้าขับรถหรูหราราคาเป็นล้านอย่างคัมรี่ บีเอ็ม เบนซ์มาจอดในซอยแล้วเอากระทงที่ทำเองมาตั้งขายกันที่หน้าร้านอาหารร้างที่ว่านั่นเป็นประจำทุกปี ผมเองก็ได้แต่นอนกระดิกเท้าเกาพุงพลุ้ยๆ ของผมอย่างสงสัยว่าเค้าขายกระทงกันจนรวยขนาดซื้อรถราคาเป็นล้านมาขับกันได้เลยหรือนี่ แต่ก็ได้แค่สงสัยเพราะคงไม่กล้าเสนอหน้าออกไปถามกลัวเค้าจะย้อนเอาว่าแล้วมันเรื่องอะไรของคุณ(มึง)ด้วยว๊ะ..!?!?!?
สิ่งที่มาคู่กับเทศกาลลอยกระทงแบบขาดกันไม่ได้เลยก็คือประทัด พลุ ตะไล ไฟพะเนียง กระเทียม โอ่ง ฯลฯ และช่วงหลังๆ มานี่เริ่มจะมีโคมลอยพ่วงเข้าไปด้วย ซึ่งผมจะไม่ชอบเสียงดังของเจ้าของเล่นทรมานบันเทิงพวกนี้เอามากๆ ได้ยินทีไรเป็นต้องวิ่งหางจุกตูดเข้าไปหลบในบ้านทุกที นับเป็นช่วงเทศกาลที่ทรมานหูตั้งๆ ของผมเป็นที่สุด
วันนี้ก็เช่นกัน เสียงพลุ เสียงประทัดแล้วก็เสียงอะไรต่อมิอะไรเริ่มดังกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด ผมก็ออกอาการกลัวลนลานเช่นทุกครั้ง รู้สึกว่าทำไมเสียงมันดังสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าจะถล่มขนาดนั้น หรือว่าหูของผมจะดีเกินไป จนมาได้ยินเสียงแว่วๆ เรียกชื่อผมดังมาจากหน้าบ้าน ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก็เพื่อนชาวต่างชาติของผมที่อยู่บ้านข้างในสุดซอยนั่นเอง แซมมาจากเยอรมันตั้งแต่ยังเล็กๆ มาอยู่ในซอยเดียวกับผมเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้ก็เป็นวัยรุ่นเต็มตัว ส่วนผมมาจากวัดแถวฝั่งธนฯ มาอาศัยอยู่บ้านเจ้านายใจดีในซอยนี้ตั้งแต่ยังเล็กเหมือนกัน เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ชอบอะไรเหมือนๆ กัน ตกเย็นก็จะพากันไปวิ่งออกกำลังกายรอบทะเลสาบที่สวนสาธารณะประจำหมู่บ้านด้วยกันบ่อยๆ เราก็เลยสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นเวลาแซมจะไปไหนก็มักจะมาชวนผมไปเป็นเพื่อนด้วยเสมอๆ
นี่คือแซม เพื่อนรักของผม (ขอบคุณภาพจาก forum.khonkaenlink.info)
และวันนี้ก็เช่นกัน แซมมาชวนผมออกไปเดินเที่ยวงานลอยกระทงที่ริมทะเลสาบประจำหมู่บ้านที่ทางกรรมการหมู่บ้านจัดเป็นประจำทุกปี เพื่อคืนความสุขให้ลูกบ้านออกมารื่นเริงบันเทิงสุขสนุกสนานกันในเทศกาลขอบคุณพระแม่คงคา แต่ปีนี้พิเศษหน่อยตรงที่มีการเปิดให้คนที่อยู่รอบๆ หมู่บ้านเข้ามาเที่ยวงานลอยกระทงของหมู่บ้านได้ จึงทำให้ทั้งคนทั้งรถติดขัดกันอยู่ในถนนหลักของหมู่บ้าน เพราะมีการออกร้านขายของตามริมถนนตลอดทาง การละเล่นประจำงานวัดมากันครบถ้วน ทั้งชิงช้าสวรรค์ ยิงเป้า ปาโป่ง โยนห่วง สอยดาว สาวน้อยตกน้ำ และของกินสารพันสารพัดทั้งก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย กระเพาะปลา ลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นทอด สายไหม ขนมครก ลาบ น้ำตก ซกเล็ก ส้มตำ ซุปหน่อไม้ ที่ขาดไม่ได้ก็ป๊อปคอร์นที่หวานเยิ้มไปด้วยคาราเมลกับอีกอย่างคือตังเมที่เหนียวยืดเคี้ยวหนืดติดเหงือกติดฟัน โอ้ววววว .. นี่มันสวรรค์ของผมกับแซมชัดๆ เราเดินไปแวะกินกันไปอย่างเพลิดเพลินจนผมลืมเรื่องของเสียงประทัดไปเสียสนิท
ระหว่างนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากนำกระทงมาลอยกันในทะเลสาบ เบียดเสียดเยียดยัดกันจนแทบจะไม่มีที่ยืนราวกับกำลังดูการแสดงสดของศิลปินคนโปรด เรียกได้ว่าพอคู่หนึ่งลอยเสร็จกระทงของคนอื่นก็ลอยเข้ามารวมกันเป็นกระจุกจนแทบจะมองไม่ออกว่ากระทงของใครเป็นของใคร จนกลายเป็นภาระของเด็กที่ลอยคออยู่ในน้ำว่ายตามเก็บเศษสตางค์ที่อยู่ในกระทงกันแทบไม่ทัน
ผมกับแซมก็ไม่ได้สนใจอะไรกับการลอยกระทงสักเท่าไหร่เพราะของกินที่กองอยู่ตรงหน้ามันช่วยพาให้อารมณ์ของเราทั้งคู่สู่อาการฟินเว่อร์ กินกันไปดูกันไปเพลินๆ เรื่องสนุกๆ มีความสุขแบบนี้คนไทยชอบนักแล ไม่ว่าจะเทศกาลไหนทั้งของไทย จีน ฝรั่ง แขก พี่ไทยเราขอร่วมแจมด้วยทุกงานตามนิสัยอันเป็นพื้นฐานประจำชาติมาแต่โบราณ
“ปังงงงงงงงงงง ..”
จู่ๆ ก็มีเสียงดังกัมปนาทราวกับว่าฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาบนหัวของผมกับแซม เราต่างวิ่งเตลิดกันแบบไม่คิดชีวิต กระจัดกระจายกันไปคนละทิศละทาง ผมใส่ตีนหมาวิ่งควบเต็มกำลังที่มี โกยอ้าวสี่ขาแบบไม่เหลียวหลัง ชนิดที่แชมป์โอลิมปิคอย่างยูเซน โบลท์ ยังเห็นแค่ฝุ่นที่ตลบอบอวลจากรอยเท้าเล็กๆ ของผมแค่นั้น เพราะเสียงของมันดังมากๆๆๆๆ ดังเสียจนแก้วหูของผมแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผมวิ่งแบบไร้ทิศทางมานานเท่าไหร่ไม่รู้? รู้แต่ว่าตอนนี้เหนื่อยมาก หัวใจเต้นเร็วจี๋คงราวๆ สักหนึ่งร้อยแปดสิบครั้งต่อนาทีน่าจะได้ ร่างกายระบายความร้อนแทบไม่ทันเพราะธรรมชาติของผมไม่มีเหงื่อให้ไหลออกมาอยู่แล้ว ก็เลยต้องอาศัยวิธีหอบลิ้นห้อยหายใจทางปากให้น้ำลายไหลยืดแทน
ผมอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย? (ขอบคุณภาพจาก www.akexorcist.com)
ผมหยุดพักนั่งลงริมฟุตบาทที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้สูงกับแสงสีอำพันจากหลอดไฟถนนที่กระพริบติดๆ ดับๆ บนยอดเสาสูงชะลูดตัดกับแสงสีเหลืองนวลของพระจันทร์คืนวันเพ็ญ ผมไม่คุ้นกับถนนเส้นนี้เลยสักนิดเพราะชีวิตของผมตั้งแต่เกิดมาจนถึงวันนี้ก็เดินเล่นอยู่แค่แถวๆ บ้านกับไปวิ่งที่สวนสาธารณะริมทะเลสาบในหมู่บ้านกับแซมแค่นั้น แล้วนี่มันที่ไหนกันล่ะ? ผมเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างจับใจ
เวลาตีสามยามค่ำคืนที่ฤดูหนาวเริ่มตื่นพัดพาเอาไอเย็นของความกดอากาศสูงจากประเทศจีนมากระทบผิวกาย มันช่างหนาวยะเยือกสั่นสะท้านซ่านซัดเข้าไปสู่ขั้วหัวใจที่ตอนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยความกลัวในยามที่หลงทางอยู่โดดเดี่ยวเดียวดายแบบนี้ ผมล้มตัวลงนอนขดตัวกลมเป็นลูกบอลชายหาดด้วยความเหนื่อยบนพื้นแข็งกระด้างเย็นเฉียบของเก้าอี้เหล็กสีเขียวเข้มมีตราสัญลักษณ์หัวช้างสีทองที่วางอยู่ใกล้ๆ แม้ตาทั้งคู่จะหลับแต่หูตั้งๆ ของผมก็ยังกระดิกดุ๊กดิ๊กเพื่อเปิดรับฟังเสียงที่ผิดปกติของสภาพแวดล้อมโดยรอบอยู่ตลอดเวลา ส่วนในใจก็ยังคิดถึงเพื่อนรักอย่างแซมว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้?
ขอบคุณภาพจาก bbinkoko.blogspot.com
แสงแดดอุ่นของดวงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ที่ทอแสงเป็นลำสวยงามผ่านก้อนเมฆรูปทรงแปลกตา ช่วยเพิ่มอุณหภูมิของอากาศโดยรอบให้สูงขึ้นเป็นลำดับ มันช่วยบรรเทาอาการหนาวเหน็บที่กรีดแทรกเข้าไปถึงแกนกระดูกของค่ำคืนอันโหดร้ายให้ทุเลาเบาบางลงได้เป็นอย่างดี ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เพราะได้ยินเสียงไม้กวาดทางมะพร้าวด้ามไม่ไผ่อันยาวของคนกวาดถนนกำลังกวัดแกว่งไปมาดังแกรกๆ อย่างขะมักเขม้นอยู่ริมถนนที่แทบจะไม่มีรถสักคัน
พลันหูดีๆ ของผมก็สะดุดเข้ากับเสียงเร่งเครื่องยนต์ดังหวือๆ ของรถกระบะสีเทาซีดเก่าคร่ำติดโครงเหล็กสูงที่ด้านหลังมีผ้าใบคลุมปิดไว้อย่างมิดชิดราวกับเป็นกรงขังอะไรสักอย่าง รวมเข้ากับเสียงครวญครางอย่างเจ็บปวดเศร้าเหงาของเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่ดังแว่วลอยมาไกลๆ แบบที่หาต้นกำเนิดเสียงไม่ได้ มันเสียดแทงเข้าสู่โสตประสาทของผมจนต้องขยับตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะสำเหนียกได้ว่าภัยร้ายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ในทุกขณะ
รถกระบะรีบจอดสนิทชิดริมทางอย่างรวดเร็ว ชายฉกรรจ์ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์ปักหลั่นสองคนเดินลงมาจากรถ ย่างสามขุมตรงรี่เข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว ด้วยความกลัวผมรีบวิ่งอย่างลนลานไปหาคนกวาดถนนเพื่อหวังจะขอความช่วยเหลือ แต่อนิจจาเธอไม่มีแม้แต่เหลือบมองด้วยหางตาที่จะหันมาหาผมที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเลยสักนิด ผมหันหลังกลับเตรียมจะวิ่งหนีแต่ก็ช้ากว่าสองคนนั่นที่เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลังผมเสียแล้ว เชือกมะนิลาเส้นเท่านิ้วก้อยผู้ใหญ่ถูกเหวี่ยงอย่างชำนาญมาคล้องคอผมอย่างพอดิบพอดี ผมดิ้นสุดชีวิตปากกัดตีนถีบเหวี่ยงแขนเหวี่ยงขาไม่หยุดเพื่อหวังจะให้หลุดพ้นจากบ่วงนรกที่พันธนาการอยู่ แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นเชือกก็ยิ่งรัดคอผมแน่นมากยิ่งขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก สุดท้ายผมก็ต้านพละกำลังจากร่างกายอันกำยำของมนุษย์ใจโฉดสองคนนั่นไม่ไหว ผมถูกลากถูลู่ถูกังจากริมถนน จับเหวี่ยงโยนเข้าไปในกรงขังหลังรถกระบะในสภาพสะบักสะบอม ถึงได้รู้ว่าเสียงครวญครางงี๊ดๆ ที่ได้ยินในตอนแรกมันดังมาจากหลังรถกระบะคันนี้นี่เอง
เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ทั้งสายพันธุ์เดียวกับผมและต่างสายพันธุ์ทั้งหมดถูกรวบรวมมาจากหลายจังหวัดด้วยการรับซื้อบ้าง เอาของมาแลกบ้างหรือไปจับมาจากข้างถนนอย่างผมก็มีเยอะ ในกรงนรกใต้ผ้าใบนั่นมีพวกเราอยู่รวมกันนับร้อยๆ ชีวิต เบียดเสียดแออัดกันจนตายไปบ้างก็แยะ อดๆ อยากๆ ไม่ได้กินน้ำกินอาหารหรือกินอะไรทั้งสิ้นตลอดการเดินทางหลายวันที่รถคันนั้นวิ่งโดยไม่มีหยุดพัก
และนี่ก็คือป้าดอลลาร์ (ขอบคุณภาพจาก market.108dog.com)
หญิงชราที่ถูกขังอยู่ข้างๆ ผมกำลังนอนหายใจรวยรินใกล้จะสิ้นลมเพราะทนกับสภาพอันโหดร้ายทารุณเช่นนี้ไม่ไหว เธอเล่าให้ผมฟังว่าเธอชื่อดอลลาร์อยู่กับเจ้านายในบ้านหลังใหญ่มาร่วมสิบปีแล้ว เธอตกใจกลัวเสียงประทัดยักษ์ของเด็กซนๆ ข้างบ้านเลยวิ่งเตลิดหนีออกมาริมถนนใหญ่ เดินสะเปะสะปะเงอะงะหิวโซอยู่สองวันก็ถูกจับมาและเธอก็อยู่ในนี้มาอาทิตย์กว่าแล้ว เจ้านายเธอคงกำลังตามหาเธออยู่แน่ๆ เธอคิดถึงเจ้านายสองคนและลูกสาวของเขาที่รักและทะนุถนอมเธอราวกับเป็นลูกอีกคนหนึ่ง คิดถึงไออุ่นจากมืออันอ่อนละมุนที่ลูบหัวเธออย่างเอ็นดู คิดถึงเด็กสาวตัวเล็กน่ารักที่นั่งเล่นอยู่คนเดียวโดยมีเธอคอยเป็นเพื่อนเป็นพี่เลี้ยงอยู่ใกล้ๆ คลอเคลียเล่นกับเธอราวกับเป็นพี่น้องกัน ปลอกคอสีม่วงอันเล็กมีลายรูปหัวใจที่เด็กน้อยบรรจงสวมให้เธอเพื่อเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความรักที่ครอบครัวนี้มีต่อเธอ น้ำตาใสๆ เริ่มไหลรินเอ่อล้นออกมาจากดวงตาที่เกรอะกรังไปด้วยขนที่พันกันจนยุ่งเหยิงคู่นั้น เพราะเธอรู้ตัวดีว่าคงไม่มีโอกาสมีชีวิตกลับไปร่ำลาเจ้านายในวันที่เธอจะสิ้นลมเสียแล้ว
ป้าดอลลาร์เธอสิ้นใจในกรงแบบนี้แหละครับ (ขอบคุณภาพจาก ewt.prd.go.th)
พอเล่าจบร่างของเธอก็กระตุกสอง-สามทีแล้วก็หมดลมไปต่อหน้าต่อตา ทำเอาผมนอนนิ่งตัวเกร็งเพราะอีกไม่นานผมเองก็คงมีชะตากรรมที่ไม่ต่างจากป้าดอลลาร์สักเท่าไรนัก ได้แต่หวังลึกๆ ให้มีปาฏิหารย์มาปลดปล่อยพวกเราที่เหลืออยู่ได้หลุดพ้นจากขุมนรกนี้ไปโดยเร็วเสียทีเถิด และทันใดนั้นหูตั้งๆ ของผมก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถกระบะคันที่เราถูกขังอยู่กำลังถูกเร่งรอบขึ้นดังสนั่นพร้อมกับความเร็วของรถที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนรู้สึกได้ อาการโคลงเคลงของตัวรถที่สูงจากพื้นถนนมากนั้น เหวี่ยงไปมาจนทำให้พวกเรากระเด็นกระดอนอยู่ในกรงหลังรถราวกับถูกโยนเข้าไปในเครื่องซักผ้าแล้วกดปุ่มปั่นแห้งพลังสูง จากที่เคยอยู่กันอย่างแออัดยัดเยียดอยู่แล้วก็ยิ่งถูกกดถูกอัดกันเข้าไปอีกจนได้แผลเหวอะจากการถูกลวดกรงขังบาดแข้งขาหน้าหัวกันไปคนละหลายแผล สักพักเสียงสัญญาณไซเรนดังหวอๆๆๆ จากรถที่ขับตามมาในระยะกระชั้นชิดก็ดังขึ้นแว่วๆ มันเป็นดังเสียงสวรรค์ที่ประทานมาจากพระเจ้า มันช่างเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยิน แม้มันจะดังจนแสบแก้วหูแต่ผมก็ยินดีที่จะฟัง พวกเราต่างพร้อมใจกันส่งเสียงขอความช่วยเหลือเท่าที่กำลังที่เหลือจะพอทำได้ เพราะมันเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้รอดชีวิตกลับไปหาบ้านแสนสุขอีกครั้ง
สุดท้ายโจรใจร้ายก็ถูกจับได้ .. พวกเรารอดแล้ว (ขอบคุณภาพจาก www.acnews.net)
แก๊งค์ค้าสุนัขข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้านถูกจับโดยหน่วย นรข. สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหาร โดยรถกระบะคันดังกล่าวถูกจับได้บนเส้นทางที่กำลังมุ่งหน้าสู่ด่านชายแดนไทย-ลาว กลายเป็นข่าวใหญ่โตออกทีวีอยู่หลายวันเพราะมีการขยายผลจับกุมคนไทยที่เป็นผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคน ผมโชคดีที่เจ้านายออกติดตามตั้งแต่วันแรกที่ผมหายตัวไป พอเห็นข่าวในทีวีก็เลยรีบเดินทางมารับตัวผมกลับบ้านในวันถัดมาทันที ส่วนป้าดอลลาร์เธอไม่ได้โชคดีแบบผม ร่างเธอถูกทำลายไปพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของผองเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์อีกนับร้อยอย่างน่าสลดใจ ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่เจ้าของเธอจะได้เก็บปลอกคอสีม่วงอันนั้นเอาไว้เป็นที่ระลึกเสียด้วยซ้ำ
บ้านแสนสุขกับสวนสวยริมทะเลสาบ (ขอบคุณภาพจาก terrabkk.com และ www.thaisabai.org)
และนี่ก็คือตัวผมเองครับ .. (ภาพโดย นายเมษา)
และตั้งแต่พ้นเคราะห์กรรมได้กลับมาอยู่บ้านแสนสุขอีกครั้ง ผมยังจดจำคืนวันดีๆ ที่ไปวิ่งเล่นออกกำลังริมทะเลสาบในหมู่บ้านกับแซมได้ดี แม้กระทั่งวันลอยกระทงของปีนี้ที่ผมไม่นึกว่าจะเป็นการได้เจอแซมเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังจากวันนั้นก็ไม่มีใครได้ข่าวจากแซมอีกเลย จนกระทั่งตอนนี้ผมก็ยังคงนอนรออยู่ริมรั้วหน้าบ้านทุกวันโดยหวังว่า อาจจะมีสักวันที่ผมจะได้ยินเสียงเรียกอันคุ้นเคยของ “แซม” เพื่อนรักของผมอีกครั้ง ..
บอกกล่าวกันก่อน ภาพและบุคคลในภาพทั้งหมดเป็นเพียงส่วนประกอบเพื่อเสริมความสมจริงของเรื่องเท่านั้น มิได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเนื่อเรื่องทั้งสิ้น
– – – – – นายเมษา – – – – –
วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2558 เวลา 16:39 น. GMT+7 TH